ชายไทยเช็กเลย! "กำลังพลสำรอง" ใครมีสิทธิ์ถูกเรียกตัวก่อน หากเกิดสงครามขึ้น . แม้เสียงปืนจะเงียบสงบลงหลังทหารไทย และกัมพูชาหยุดยิงถอนกำลังออกจากแนวหน้าช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีนับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกันในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค.2568 แต่ทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงตรึงกำลังในจุดเฝ้าระวัง ส่งผลให้บรรยากาศชายแดนคงตึงเครียดอยู่ขณะนี้ . ด้านความเคลื่อนไหวของกองทัพบก มีการเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นต้องเกิดการสู้รบกันในระดับที่เรียกว่าสงคราม ชายไทยที่ไม่ได้เป็นทหารแต่มีสถานะเป็น "กำลังพลสำรอง" ก็มีโอกาสที่จะถูกเรียกตัว เพื่อเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ต่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน . ซึ่งจากข้อมูลระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร พ.ศ. 2560 และ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยกิจการกำลังพลสำรอง พ.ศ. 2559 สามารถสรุปข้อมูลการเรียกกำลังพลสำรองได้ ประกอบด้วย . 1. ผู้ที่สำเร็จการฝึกวิชาทหาร (ร.ด.) ตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป และขึ้นทะเบียนกองประจำการจนปลดเป็นทหารกองหนุน 2. ผู้ที่ปลดจากกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) เมื่อครบกำหนดตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด . โดยจะดำเนินการเรียกพลกำลังพลสำรองตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก แจ้งไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดของพื้นที่ที่กำลังพลสำรองมีภูมิลำเนาอยู่ 2. ออกหมายเรียกพล (ตพ.15) ส่งถึงผู้ถูกเรียก เพื่อปฏิบัติตามหมาย 3. ผู้ถูกเรียกต้องไปรายงานตัวตามสถานที่และเวลาที่กำหนดในหมายเรียกพล หากไม่มาหรือไม่เข้ารับราชการทหาร หรือไม่อยู่จนกว่าการรับราชการทหารจะแล้วเสร็จ จะถือว่ากำลังพลสำรองนั้นหลีกเลี่ยงการรับราชการ ---ลำดับการเรียกระดมพล--- ชั้นที่ 1 อายุต่ำกว่า 30 ปีบริบูรณ์ ชั้นที่ 2 อายุ 30 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 40 ปี ชั้นที่ 3 อายุ 40 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 46 ปี พ้นกำหนดการรับราชการทหาร อายุเกิน 46 ปีบริบูรณ์ . ที่มา : ระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร พ.ศ. 2560 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยกิจการกำลังพลสำรอง พ.ศ. 2559 . #ชายแดน #กัมพูชา #ไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องบก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #สาระนิวส์โชว์ #ไทยรัฐนิวส์โชว์


 

Comments